บทความ

บทที่ 10 : ผู้ดี ย่อมไม่ประพฤติชั่ว

บทที่ 10 : ผู้ดี ย่อมไม่ประพฤติชั่ว กายจริยา ย่อมไม่เป็นพาลเที่ยวเกะกะระรั้ว และกระทำร้ายคน ย่อมไม่ข่มเหงผู้อ่อนกว่า เช่น เด็ก หรือผู้หญิง ย่อมไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เจ็บอาย เพื่อความสนุกยินดีของตน ย่อมไม่หาประโยชน์ ด้วยอาการที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ย่อมไม่เสพสุราจนถึงเมาและติด ย่อมไม่มั่วสุมกับสิ่งอันเลวทราม เช่น กัญชา ยาฝิ่น ย่อมไม่หมกมุ่นในการพนัน เพื่อจะปรารถนาทรัพย์ ย่อมไม่ถือเอาเป็นของตน ในสิ่งที่เจ้าของไม่อนุญาตให้ ย่อมไม่พึงใจ ในหญิงที่มีเจ้าของหวงแหน วจีจริยา ย่อมไม่เป็นพาลพอใจทะเลาะวิวาท ย่อมไม่พอใจนินทาว่าร้ายกันและกัน ย่อมไม่พอใจพูดส่อเสียดยุยง ย่อมไม่เป็นผู้สอพลอประจบประแจง ย่อมไม่แช่งชักให้ร้ายผู้อื่น

บทที่ 9 : ผู้ดี ย่อมรักษาความสุจริตซื่อตรง

บทที่ 9 : ผู้ดี ย่อมรักษาความสุจริตซื่อตรง กายจริยา ย่อมไม่ละลาบละล้วงเข้าห้องเรือนแขก ก่อนเจ้าของบ้านเขาเชิญ ย่อมไม่แลลอดสอดส่าย โดยเพ่งเล็งเข้าไปตามห้องเรือนแขก ย่อมไม่เที่ยวฉวยโน่น หยิบนี่ของผู้อื่นดูจนเหลือเกิน ราวกับว่าจะค้นหาสิ่งใด ย่อมไม่เที่ยวขอ หรือหยิบฉวยดูจดหมาย ของผู้อื่นที่เจ้าของไม่มีความประสงค์จะให้ดู ย่อมไม่เที่ยวขอ หรือหยิบฉวยดูสมุดพก หรือสมุดจดรายงานบัญชีของผู้อื่น ซึ่งตนไม่มีธุระเกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ ย่อมไม่เที่ยวนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือของผู้อื่น ย่อมไม่เที่ยวเปิดดูหนังสือ ตามโต๊ะเขียนหนังสือของผู้อื่น ย่อมไม่แทรกเข้าหมู่ผู้อื่นซึ่งเขาไม่ได้เชื้อเชิญ ย่อมไม่ลอบแอบฟังคนพูด ย่อมไม่ลอบแอบดูของลับ ถ้าเห็นเขาจะพูดความลับกัน ย่อมต้องหลบตาหรือลี้ตัว ถ้าจะเข้าห้องเรือนผู้ใด ย่อมต้องเคาะประตูหรือกล่าววาจาให้เขารู้ตัวก่อน วจีจริยา ย่อมไม่ซอกแซกไต่ถามธุระส่วนตัว หรือการในบ้านของเขา ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแก่ตน ย่อมไม่เที่ยวถามเขาว่า นั่นเขียนหนังสืออะไร ย่อมไม่ถามถึงผลประโยชน์ที่เขาหาได้ เมื่อตนไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ย่อมไม่เอาการในบ้านของผู้ใดมาแสดงในท

บทที่ 8 : ผู้ดี ย่อมไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว

บทที่ 8 : ผู้ดี ย่อมไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว กายจริยา ย่อมไม่พักหาความสบายก่อนผู้ใหญ่ หรือผู้หญิง ย่อมไม่เสือกสนแย่งชิง ที่นั่ง หรือที่ดูอันใด ย่อมไม่เที่ยวแย่งผู้หนึ่ง มาจากผู้หนึ่ง ในเมื่อเขาสนทนากัน เป็นผู้ใหญ่ จะไปมาลุกนั่งย่อมไว้ช่องให้ผู้น้อยมีโอกาสบ้าง ในการเลี้ยงดูย่อมเผื่อแผ่ เชื้อเชิญแก่คนข้างเคียงก่อนตน ในการบริโภค ย่อมหยิบยก ยื่นส่งสิ่งของแก่ผู้อื่นต่อๆ ไปไม่มุ่งแต่กระทำกิจส่วนตน ย่อมไม่รวบสามตะกลามสี่ กวาดฉวยเอาของที่เขาตั้งไว้เป็นกลางจนเกินส่วนที่ตนจะได้ ย่อมไม่แสดงความไม่เพียงพอใจในสิ่งของที่เขาหยิบยกให้ ย่อมไม่นิ่งนอนใจให้เขาออกทรัพย์แทนส่วนตนเสมอ เช่น ในการเลี้ยงดู หรือใช้ค่าเดินทาง เป็นต้น ย่อมไม่ลืมที่จะส่งของ ซึ่งคนอื่นได้สงเคราะห์ให้ตนยืม การให้สิ่งของหรือเลี้ยงดูซึ่งเขาได้กระทำแก่ตน ย่อมต้องตอบแทนเขา วจีจริยา ย่อมไม่ขอแยกผู้หนึ่งมาจากผู้ใด เพื่อจะพาไปพูดจาความลับกัน ย่อมไม่สนทนาแต่เรื่องตนฝ่ายเดียว จนคนอื่นไม่มีช่องจะสนทนาเรื่องอื่นได้ ย่อมไม่นำธุระตนเข้ากล่าวแทรก ในเวลาธุระอื่นของเขาชุลมุน ย่อมไม่กล่าววาจาติเตียน ของที่เขาหยิบยกให้ว่าไม่ดี

บทที่ 7 : ผู้ดี ย่อมเป็นผู้ใจดี

บทที่ 7 : ผู้ดี ย่อมเป็นผู้ใจดี กายจริยา เมื่อเห็นใครทำผิดพลาดน่าเก้อกระดาก ย่อมช่วยกลบเกลื่อน หรือทำไม่เห็น เมื่อเห็นสิ่งของ ของใครตกหรือเสื่อมเสีย ย่อมต้องหยิบยื่นให้ หรือบอกให้รู้ตัว เมื่อเห็นเหตุร้าย หรืออันตรายจะมีแก่ผู้ใด ย่อมต้องรีบช่วย วจีจริยา ย่อมไม่เยาะเย้ย ถากถาง ผู้กระทำผิดพลาด ย่อมไม่ใช้วาจาอันข่มขี่ มโนจริยา ย่อมไม่มีใจอันโหดเหี้ยมเกรี้ยวกราดแก่ผู้น้อย ย่อมเอาใจโอบอ้อมอารีแก่ผู้อื่น ย่อมเอาใจช่วยคนเคราะห์ร้าย ย่อมไม่เป็นผู้ซ้ำเติมคนเสียที ย่อมไม่เป็นผู้อาฆาตจองเวร

บทที่ 6 : ผู้ดี ย่อมปฏิบัติการงานดี

บทที่ 6 : ผู้ดี ย่อมปฏิบัติการงานดี กายจริยา ย่อมทำการอยู่ในระเบียบแบบแผน ย่อมไม่ถ่วงเวลาให้ผู้อื่นคอย ย่อมไม่ละเลยที่จะตอบจดหมาย ย่อมไม่ทำการแต่ต่อหน้า วจีจริยา พูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้ ย่อมไม่รับวาจาคล่องๆ โดยมิได้เห็นว่าการจะเป็นได้หรือไม่ มโนจริยา ย่อมเป็นผู้รักษาความสัตย์ในเวลา ย่อมไม่เป็นผู้เกียจคร้าน ย่อมไม่เข้าใจว่า ผู้ดีทำอะไรด้วยตนไม่ได้ ย่อมไม่เพลิดเพลิน จนละเลยให้การเสีย ย่อมเป็นผู้รักษาความเป็นระเบียบ ย่อมเป็นผู้อยู่ในบังคับบัญชา เมื่ออยู่ในหน้าที่ ย่อมมีมานะในการงาน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ย่อมเป็นผู้ทำอะไรทำจริง ย่อมไม่เป็นผู้ดึงดันในที่ผิด ย่อมปรารถนาความดี ต่อการงานที่ทำอยู่เสมอ

บทที่ 5 : ผู้ดี ย่อมเป็นผู้มีสง่า

บทที่ 5 : ผู้ดี ย่อมเป็นผู้มีสง่า กายจริยา ย่อมมีกิริยาอันผึ่งผายองอาจ จะยืนนั่ง ย่อมอยู่ในลำดับอันสมควร ไม่เป็นผู้แอบหลังคนหรือหลีกเข้ามุม ย่อมไม่เป็นผู้สะทกสะท้าน งกเงิ่น หยุดๆ ยั้งๆ วจีจริยา ย่อมพูดจาฉะฉานชัดถ้อยความ ไม่อุบอิบอ้อมแอ้ม มโนจริยา ย่อมมีความรู้จักงาม รู้จักดี ย่อมมีอัชฌาสัยอันกว้างขวาง เข้าไหนเข้าได้ ย่อมมีอัชฌาสัยเป็นนักเลง ใครจะพูดหรือเล่นอันใด ก็เข้าใจและต่อติด ย่อมมีความเข้าใจว่องไว ไหวพริบรู้ทันถึงการณ์ ย่อมมีใจอันองอาจกล้าหาญ

บทที่ 4 : ผู้ดี ย่อมมีกิริยาเป็นที่รัก

บทที่ 4 : ผู้ดี ย่อมมีกิริยาเป็นที่รัก กายจริยา ย่อมไม่ฝ่าฝืนเวลานิยม คือ ไม่ไปใช้กิริยายืน เมื่อเขานั่งกับพื้น และไม่ไปนั่งกับพื้น เมื่อเวลาเขายืนเดินกัน ย่อมไม่ไปนั่งนานเกินสมควร ในบ้านของผู้อื่น ย่อมไม่ทำกิริยารื่นเริงเมื่อเขามีทุกข์ ย่อมไม่ทำกิริยาโศกเศร้าเหี่ยวแห้ง ในที่ประชุมรื่นเริง เมื่อไปสู่ที่ประชุมรื่นเริง ย่อมช่วยสนุกชื่นบานให้สมเรื่อง เมื่อเป็นเพื่อนเที่ยว ย่อมต้องกลมเกลียว และร่วมลำบาก ร่วมสนุก เมื่อตนเป็นเจ้าของบ้าน ย่อมต้องต้อนรับ และเชื้อเชิญแขกไม่เพิกเฉย ย่อมไม่ทำกิริยาบึกบึนต่อแขก ย่อมไม่ให้แขกต้องคอยนาน เมื่อเขามาหา ย่อมไม่จ้องดูนาฬิกา ในเวลาที่แขกยังนั่งอยู่ ย่อมไม่ใช้กิริยาอันบุ้ยใบ้ หรือกระซิบกระซาบกับผู้ใด ในเวลาเมื่อตนอยู่เฉพาะหน้าผู้หนึ่ง ย่อมไม่ใช้กิริยาอันโกรธเคือง หรือดุดัน ผู้คนบ่าวไพร่ ต่อหน้าแขก ย่อมไม่จ้องดูบุคคล โดยเพ่งพิศเหลือเกิน ย่อมต้องรับส่งแขกเมื่อไปมา ในระยะเวลาอันสมควร วจีจริยา ย่อมไม่เที่ยวติเตียน สิ่งของที่เขาตั้ง แต่ง ไว้ในบ้านที่ตนไปสู่ ย่อมไม่กล่าวสรรเสริญรูป กาย บุคคล แก่ตัวเขาเอง ย่อมไม่พูดให้เพื่อนเก้อกระดาก